ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ

ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ

วันที่นำเข้าข้อมูล 21 มี.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 19,559 view

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและไทย

ไทยและรัสเซียได้เริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ขึ้นอีกครั้ง ในปี 1948

หลังจากความสัมพันธ์ได้หยุดชะงักลงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในปี 1949 ได้มีการจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์ขึ้นในกรุงเทพ เหตุการณ์นี้ถือเป็นเครื่องหมายสถานประกอบการอย่างเป็นทางการของความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศ

การลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศมีดังต่อไปนี้

การค้าของทั้งสองประเทศอยู่บนพื้นฐานของสนธิสัญญาทวิภาคีระหว่างรัฐบาล การลงนามข้อตกลงการค้าทั่วไป เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1970

  • อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและป้องกันการหลบหลีกการเก็บภาษีเก็บเงินได้ 23 กันยายน 1999
  • การลงนามขั้นตอนการบังคับของความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน 17 ตุลาคม 2002 นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าในรัสเซียและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยพระราชบัญญัติ, 1997,
  • ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัสเซียยูเนี่ยนของนักอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2003

การพัฒนาการค้าทวิภาคีที่ได้มา ทำให้เกิดสมาคมซึ่งเป็นการร่วมกลุ่มนักธุรกิจไทยในการค้ากับรัสเซีย ตามการทำสถิติของกระทรวงพาณิชย์ รัสเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญสำหรับประเทศไทยในการพัฒนาการค้า

แต่น่าเสียดายที่การค้ารัสเซียกับไทยได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากวิกฤตการเงินโลก ในปีที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงการขยายตัวของการค้ารัสเซียไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินทั่วโลก แต่มีแนวโน้มในเชิงบวก ในขณะที่ในปี 2008 ปริมาณการค้าทวิภาคี มีมูลค่า 3,820,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2009 มูลค่าการค้าลดลง 52,5% เป็นจำนวน 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เฉพาะการขยายตัวเป็นบวกเกิดขึ้นในปี 2010 ช่วง 10 เดือนแรกที่ปริมาณการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้น 92,5% และมีจำนวน 3.06 พันล้านดอลลาร์

การส่งออกของรัสเซียตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2010 มีจำนวนทั้งสิ้น 2430000000 เหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นเกือบ 94% เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดปี 2009) ในขณะที่การนำเข้าจากประเทศไทย มีมูลค่า 631,000,000 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นเกือบ 88%)

สินค้าที่รัสเซียส่งออกมายังประเทศไทย ส่วนใหญ่ คือ เหล็ก และ เหล็กกล้าจากรัสเซีย 47% (793,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) น้ำมันดิบและไฮโดรคาบอนอื่นๆ 37%(635,200,000ดอลลาร์สหรัฐฯ) ปุ๋ย เครื่องจักรและอุปกรณ์ 9% (36,200,000ดอลลาร์สหรัฐฯ) เครื่องใช้ไฟฟ้า 6% (25,200,000ดอลลาร์สหรัฐฯ) ผลไม้ 6% (21,200,000ดอลลาร์สหรัฐฯ) เครื่องประดับ 4% (18,400,000ดอลลาร์สหรัฐฯ)

นักลงทุนของไทยที่มีการลงทุนในรัสเซีย ยังน้อยมาก โดยบริษัทที่ไทยเข้าไปลงทุนในรัสเซียในขณะนี้ ได้แก่ บริษัท warehouse ผู้ผลิตเครื่องสำอางและบริษัท Charoen Pakhand Foods Public Co.td (CPF) โรงงานผลิตอาหารสัตว์และเลี้ยงสุกร ซึ่งจะขยายขอบข่ายการลุงทุนครบวงจรในอนาคต อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีบริษัทไทยได้ให้ความสนใจเข้าไปลงทุนหลายแห่ง แต่ยังอยู่ในขั้นศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ เช่น โครงการสร้างพื้นที่อุตสหกรรมในกรุงมอสโก การตั้งศูนย์ธุรกิจ ไทย-รัสเซีย

ในทางตรงกันข้าม มีนักลงทุนรัสเซียเข้ามาลงทุนในไทย 2 บริษัท คือ บริษัท Amek Industries Co.,Ltd. จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ และบริษัท Formica-Phianite Co.,Ltd. โรงงานผลิตหินสีและอัญมณี รัสเซียยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ในโครงการร่วมทุนในการทำเหมืองแร่อุตสาหกรรมยานยนต์ นาโนเทคโนโลยีชีวภาพและการบริการ

กลไกที่สำคัญสำหรับความร่วมมือทวิภาคี ได้เกิดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2009 การประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทืวิภาคีระหว่างรัสเซียและไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสหพันธรัสเซียและราชอาณาจักรไทย, 2010-2014 โดยมีนาย เซอร์เกย์ โซเบียนิน เป็นตัวแทนของรัสเซียร่วมเจรจา กับ นาย กษิตภิรมย์ นายกรัฐมนตรีการทรวงการต่างประเทศของไทย ในการทำข้อตกลงให้เป็นรูปธรรมในการพัฒนาความร่วมมือของไทยและรัสเซีย ในเรื่อง การค้า ,เศรษฐกิจ, พลังงาน , การบินอวกาศ, วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยีการเกษตร ,การศึกษา ,วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

การพัฒนาความร่วมมือระหว่างธนาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อระหว่างรัสเซียและธนาคารแห่งประเทศไทย โดย Eximbank มีการตัดสินใจที่จะเปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงมอสโก ได้ข้อสรุปและสัญญาอนุญาตให้เปิดวงเงินกับธนาคารรัสเซียหลายแห่งรวมถึงธนาคารใหญ่เช่น VTB ,Vnesheconombank

 

 

 

ปี 2560 เป็นปีที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและรัสเซียดำเนินมาครบรอบ 120 ปี ฯพณฯ นายคิริลล์ บาร์สกี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยและรัสเซียไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่หากจะมองในมิติของเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ก็ยังมีพัฒนาการเชิงบวกมาโดยตลอด

 

ไทยและรัสเซียตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน 5 เท่าในเวลา 5 ปี (เริ่มจากปี 2559) ทั้งนี้ การค้ารวมไทย-รัสเซียระหว่างปี 2556 – 2558 มีมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปี 2558 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 31 ของไทย ถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศ CIS (The Commonwealth of Independent States)

การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย ปี 2558 มีมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์ หรือ0.56% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า 929.10 ล้านดอลลาร์(ไทยส่งออกไปยังรัสเซียคิดเป็นมูลค่าประมาณ700 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าจากรัสเซียเป็นมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์ มีสินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ โพลิเมอร์ ผลไม้แปรรูป ยางพารา เครื่องจักรและอะไหล่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน ปลากระป๋องและอาหารทะเล เครื่องปรับอากาศ และข้าว


ส่วนสินค้าหลักที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย ได้แก่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะและชิ้นส่วนโลหะ ปุ๋ย เครื่องประดับอัญมณี สินแร่ เศษเหล็ก ผัก อาหารทะเลสดและแช่แข็ง