วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ส.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
คำกล่าวของ
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี
ในพิธีแถลงข่าว เรื่อง “การขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยรวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศ CLMV และสาธารณรัฐประชาชนจีน และการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa)”
วันพุธที่ 12 กรกฎาคม 2560 เวลา 14.00-15.00 น.
ณ ห้องแถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
เรียน รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย)
รัฐมนตรี
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เอกอัครราชทูต
เลขาธิการ คปภ.
นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน
สื่อมวลชน และ
ผู้มีเกียรติทุกท่าน
ในนามของรัฐบาลไทย ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวการขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยรวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษารักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศ CLMV และสาธารณรัฐประชาชนจีน และการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) ในวันนี้
รัฐบาลไทยมีการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้าน Medical & Wellness Tourism และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก โดยการพัฒนาศักยภาพของสถานบริการสุขภาพทุกระดับและสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้ได้คุณภาพ มาตรฐาน โดยเฉพาะบริการรักษาพยาบาล บริการสปา และนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ผลจากการขับเคลื่อนนโยบาย Medical Hub ส่งผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศ CLMV และสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย รวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม รวม 4 ราย ในกลุ่มประเทศ CLMV และสาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติทั้ง 14 ประเทศ ได้เข้ามาพำนักระยะยาวในราชอาณาจักร จะยิ่งส่งเสริมให้การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ มากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีทุกกระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในการผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม รวมทั้งขออวยพรให้การขับเคลื่อนนโยบายนี้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ขอบคุณครับ